ในดินแดนเมโสโปเตเมียอันไกลโพ้น เมื่อประมาณ 2000 ปีก่อนคริสตกาล มีกษัตริย์ผู้หนึ่งนามว่าฮัมมูราบี ผู้ปกครองอาณาจักรบาบิโลนอันยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงตระหนักถึงความสำคัญของกฎหมายในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความยุติธรรมในสังคม จึงทรงริเริ่มให้มีการรวบรวมและจารึกกฎหมายขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรบนแผ่นศิลาขนาดใหญ่ ซึ่งต่อมาได้รับการขนานนามว่า “ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี” (Code of Hammurabi) อนุสาวรีย์แห่งความยุติธรรมที่ยังคงตราตรึงอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี เป็นหนึ่งในตัวอย่างกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เนื้อหาส่วนใหญ่ครอบคลุมเรื่องกฎหมายแพ่งและอาญา รวมถึงเรื่องการค้าขาย ทาส ศาสนา และครอบครัว
จุดประสงค์ของการจัดทำประมวลกฎหมายฮัมมูราบี
ประมวลกฎหมายฮัมมูราบีไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นเพียงเพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุมและลงโทษผู้กระทำผิด แต่ยังมีเป้าหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น กษัตริย์ฮัมมูราบีทรงมุ่งหวังให้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการสร้างความเป็นธรรมและความเท่าเทียมกันในสังคม เพื่อให้ทุกคนไม่ว่าจะมีฐานะทางสังคมอย่างไรก็ตาม ต่างอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน และได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ การจารึกกฎหมายลงบนแผ่นศิลาและตั้งไว้ในที่สาธารณะยังเป็นการประกาศให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเอง
หลักการสำคัญ
หลักการสำคัญของประมวลกฎหมายนี้คือ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” (Lex Talionis) ซึ่งหมายถึง การลงโทษผู้กระทำผิดในลักษณะเดียวกับความผิดที่เขาได้กระทำต่อผู้อื่น แม้ว่าหลักการนี้จะดูโหดร้ายในสายตาคนยุคปัจจุบัน แต่ก็เป็นหลักการที่สำคัญในการสร้างความยุติธรรมและความเท่าเทียมกันในสังคมยุคโบราณ นอกจากนี้ยังมีหลักการอื่นอีกหลายประการที่ปรากฏในประมวลกฎหมายนี้ เช่น แนวคิดเรื่องสัญญา การชดใช้ค่าเสียหาย และความรับผิดชอบ ยังคงได้รับการยอมรับและนำมาปรับใช้ในระบบกฎหมายทั่วโลก
ลักษณะของประมวลกฎหมายฮัมมูราบี
ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี มีลักษณะเป็นแผ่นศิลาบะซอลต์สีดำขนาดใหญ่ สูงประมาณ 2.25 เมตร ด้านบนสุดของแผ่นศิลามีภาพแกะสลักนูนต่ำ แสดงภาพกษัตริย์ฮัมมูราบีกำลังยืนรับกฎหมายจากเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ชื่อว่า “ชามาช” (Shamash) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความยุติธรรมของชาวบาบิโลน
ส่วนล่างของแผ่นศิลาจารึกด้วยอักษรรูปลิ่ม (Cuneiform) ซึ่งเป็นระบบการเขียนของชาวเมโสโปเตเมียโบราณ บรรทัดแรกเป็นคำอุทิศแด่เทพเจ้า ส่วนที่เหลือเป็นข้อความกฎหมายทั้งหมด 282 ข้อ แบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ครอบคลุมเรื่องกฎหมายแพ่ง อาญา การค้าขาย ทาส ศาสนา และครอบครัว
เนื้อหาของกฎหมายมีความหลากหลาย ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย เช่น การทะเลาะวิวาท การขโมยของ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ เช่น การฆาตกรรม การลักพาตัว และการกบฏ กฎหมายส่วนใหญ่มีลักษณะเป็น “เงื่อนไข-ผลลัพธ์” (Conditional Sentences) เช่น “ถ้า…แล้ว…” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามสร้างความชัดเจนและความแน่นอนในระบบกฎหมาย
กระบวนการบังคับใช้ในอดีต
การบังคับใช้ประมวลกฎหมายฮัมมูราบีในสมัยนั้นเป็นไปอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด ศาลยุติธรรมมีบทบาทสำคัญในการพิจารณาคดีความ และผู้พิพากษาจะใช้ดุลยพินิจในการตีความและบังคับใช้กฎหมายตามความเหมาะสมกับแต่ละกรณี อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายในสมัยนั้นยังคงมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เนื่องจากสังคมยังคงมีความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น และผู้มีอำนาจอาจใช้อิทธิพลของตนเองเพื่อให้ได้รับการยกเว้นโทษ หรือได้รับการตัดสินที่เอื้อประโยชน์ต่อตนเอง
ความสำคัญของประมวลกฎหมายฮัมมูราบี
ประมวลกฎหมายฮัมมูราบีมีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงความพยายามในการสร้างสังคมที่มีระเบียบและยุติธรรมในยุคโบราณ เป็นหนึ่งในตัวอย่างแรกของกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่บังคับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน สะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของชาวบาบิโลน รวมถึงมีอิทธิพลต่อการพัฒนาระบบกฎหมายในยุคหลังและยังคงเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างความเป็นธรรมในสังคมปัจจุบัน