โครงสร้างและชั้นต่าง ๆ ของโลก
โลกของเราไม่ได้เป็นก้อนหินตัน ๆ ลูกหนึ่งอย่างที่บางคนอาจจินตนาการไว้ แต่ภายในโลกมีโครงสร้างซับซ้อน แบ่งออกเป็นหลายชั้นที่มีลักษณะทางกายภาพและเคมีแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชั้นหลัก และหากลงลึกจะสามารถจำแนกย่อยได้อีกเป็น 5 ชั้นย่อย ดังนี้
- เปลือกโลก (Crust) ลักษณะเป็นชั้นที่อยู่ผิวสุดของโลก ซึ่งมนุษย์เราอาศัยอยู่ มีความหนาประมาณ 5 – 70 กิโลเมตร
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- เปลือกโลกทวีป (Continental Crust) หนา 30 – 70 กม. ประกอบด้วยหินแกรนิต (Granite) เป็นหลัก หนาและเบากว่าเปลือกโลกมหาสมุทร
- เปลือกโลกมหาสมุทร (Oceanic Crust) หนา 5 – 10 กม. ประกอบด้วยหินบะซอลต์ (Basalt) เป็นหลักบางและหนักกว่าเปลือกโลกทวีป
- แมนเทิล (Mantle) ลักษณะ อยู่ถัดจากเปลือกโลกลงไป หนาประมาณ 2,900 กิโลเมตร อุณหภูมิสูงถึง 1,000 – 3,700 องศาเซลเซียส
แบ่งย่อยได้เป็น 2 ชั้น
- แมนเทิลตอนบน (Upper Mantle) ส่วนบนของแมนเทิลเรียกว่า แอสทีโนสเฟียร์ (Asthenosphere) อยู่ลึกประมาณ 100 – 400 กม. ใต้เปลือกโลก มีลักษณะกึ่งของเหลว คล้ายยางเหนียว
-
แมนเทิลตอนล่าง (Lower Mantle) หนาแน่นและแข็งกว่าแมนเทิลตอนบน หินร้อนมากจนเกือบหลอมละลาย แต่ยังคงอยู่ในสถานะของแข็ง
-
แกนโลก (Core) แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
-
แกนโลกชั้นนอก (Outer Core) หนาประมาณ 2,200 กม. อยู่ในสถานะของเหลว ประกอบด้วยเหล็ก (Iron) และนิกเกิล (Nickel)
การหมุนเวียนของของเหลวในแกนโลกชั้นนอกทำให้เกิด สนามแม่เหล็กโลก
- แกนโลกชั้นใน (Inner Core) รัศมีประมาณ 1,200 กม. อยู่ในสถานะของแข็ง เนื่องจากความดันสูงมาก ประกอบด้วยเหล็กบริสุทธิ์และนิกเกิล
ชั้นของโลกตามคุณสมบัติทางกายภาพ (5 ชั้น)
ในทางธรณีฟิสิกส์ โลกสามารถจำแนกออกเป็น 5 ชั้นตามลักษณะทางกายภาพ ได้แก่
- ลิโทสเฟียร์ (Lithosphere) – รวมเปลือกโลกและแมนเทิลตอนบน แข็งและเปราะ
-
แอสทีโนสเฟียร์ (Asthenosphere) – กึ่งของเหลว ลื่นไหล รองรับการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก
-
แมนเทิลตอนล่าง (Mesosphere) – แข็งหนาแน่น
-
แกนโลกชั้นนอก (Outer Core) – ของเหลว
-
แกนโลกชั้นใน (Inner Core) – ของแข็ง
แมกมา vs ลาวา เหมือนหรือต่างกัน?
แมกมา (Magma) เป็นหินหลอมเหลวที่อยู่ภายในโลก มักพบในแอสทีโนสเฟียร์และใต้ภูเขาไฟ ประกอบด้วยแร่ธาตุ, แก๊ส, และผลึกเล็ก ๆ
ลาวา (Lava) คือแมกมาที่พุ่งออกมานอกผิวโลกผ่านภูเขาไฟ เมื่อแมกมาสัมผัสอากาศและเย็นตัวลง จะกลายเป็นลาวาแข็ง เช่น หินบะซอลต์หรือหินออบซิเดียน
สรุปสั้น ๆ
แมกมา = หินหลอมเหลวในโลกใต้ดิน
ลาวา = แมกมาที่ออกมาอยู่บนผิวโลกแล้ว
ความสำคัญของการเข้าใจโครงสร้างโลก
การพยากรณ์แผ่นดินไหว: การเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกทำให้เกิดแผ่นดินไหว การเข้าใจชั้นลิโทสเฟียร์และแอสทีโนสเฟียร์ช่วยให้เราวิเคราะห์แนวโน้มของภัยพิบัติได้ดีขึ้น
ทรัพยากรธรรมชาติ: แร่ธาตุและน้ำมันมักเกิดในชั้นต่าง ๆ ของเปลือกโลกและแมนเทิล
ภูเขาไฟ: การสะสมแมกมาในเปลือกโลกสามารถทำให้ภูเขาไฟปะทุ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์
สรุป
โครงสร้างภายในของโลกประกอบด้วยหลายชั้นที่ซ้อนกันเหมือนหัวหอม ตั้งแต่เปลือกโลกจนถึงแกนโลกชั้นใน โดยแต่ละชั้นมีบทบาทสำคัญต่อการดำรงอยู่ของโลก แมกมาและลาวาเป็นผลผลิตจากกระบวนการในชั้นแมนเทิลที่ส่งผลต่อผิวโลกอย่างชัดเจน การทำความเข้าใจชั้นต่าง ๆ ของโลกช่วยให้เราตระหนักถึงพลัง
ของธรรมชาติ และสามารถใช้ความรู้นี้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและป้องกันภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ